การวางแผนซื้อบ้านสักหลัง น้อยคนที่จะใช้เงินสดทั้งก้อนมาจ่ายค่าบ้าน โดยส่วนมากแล้วจะใช้วิธีขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินต่าง ๆ จากนั้นค่อยผ่อนชำระตามระยะเวลาที่ทำข้อตกลงไว้ ซึ่งโดยปกติธนาคารจะเสนอโปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำในระยะแรก แต่หลังจากหมดโปรโมชั่นแล้ว ดอกเบี้ยบ้านจะค่อย ๆ บานขึ้นอย่างน่าตกใจ
วิธีการรับมือกับปัญหานี้หลายคนอาจเจรจาขอลดอัตราดอกเบี้ยก่อน แต่หากดอกเบี้ยยังสูงอยู่การรีไฟแนนซ์บ้าน เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยลดภาระค่าบ้านต่องวดได้ สำหรับผู้อ่านที่อยากรีไฟแนนซ์ แต่ยังไม่ทราบว่าการรีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร คุ้มที่จะทำหรือไม่ มีขั้นตอนและเงื่อนไขอย่างไรบ้าง เนื้อหาชุดนี้ “บ้านไอเดีย“ ขอนำข้อมูลพื้นฐานในการรีไฟแนนซ์ พร้อมยกตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยอย่างง่ายมาฝากกัน
รีไฟแนนซ์ คืออะไร
รีไฟแนนซ์ คือ การย้ายวงเงินผ่อนชำระไปสู่ธนาคารที่ให้อัตราดอกเบี้ยใหม่ที่ต่ำกว่า โดยใช้สินทรัพย์ตัวเดิมเป็นหลักประกัน พูดง่าย ๆ ก็เหมือนกับการกู้เงินใหม่อีกรอบจากธนาคารใหม่มาโปะหนี้ธนาคารเดิม โดยเป้าหมายในการรีไฟแนนซ์ คือ ได้ดอกเบี้ยอัตราใหม่ที่ถูกกว่าเดิม ทำให้สามารถลดเงินต้นได้เร็วขึ้น ผ่อนถูกลงหรือระยะเวลาลดลง
เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ขอแสดงผลลัพธ์การคำนวณยอดหนี้ระหว่าง อัตราดอกเบี้ยปกติเดิม กับ อัตราดอกเบี้ยใหม่รีไฟแนนซ์ ซึ่งเป็นการคำนวณคร่าว ๆ เบื้องต้นเท่านั้นนะครับ การคำนวณจริงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของธนาคาร และต้องดูปัจจัยอื่น ๆ เช่น จำนวนปีและยอดรายเดือนที่ผ่อนชำระ
ตัวอย่างการคำนวณ : สมมุติว่า ผ่อนบ้านมาแล้วทั้งหมด 5 ปี ยอดหนี้เงินต้นคงเหลือ 2,500,000 บาท ถ้าผ่อนบ้านต่อในอัตราดอกเบี้ยปกติอยู่ที่ 6 % ในเวลา 25 ปี คำนวณแบบทบต้นทบดอก ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ประมาณ 2.33 ล้านบาท ค่าผ่อนบ้านงวดละ 16,108 บาท/เดือน รวมเงินต้นและดอกเบี้ยรวม ๆ แล้ว 4.83 ล้านบาท ถือว่ามากจนเกือบซื้อบ้านได้สองหลังเลยทีเดียวนะครับ
แต่หากรีไฟแนนซ์อัตราดอกเบี้ยจะถูกลงจาก 6% เหลือประมาณ 3% (ใน 3 ปีแรก ) หรือเฉลี่ยประมาณ 5% ตลอดระยะเวลาผ่อนชำระ ส่งผลให้ดอกเบี้ยถูกลง ช่วยประหยัดได้มากถึงหลักแสนหรือหลักล้านบาทกรณียอดกู้สูง และหากให้ลดมากขึ้นไปอีก แนะนำให้ผู้กู้เลือกผ่อนชำระรายเดือนใกล้เคียงกับยอดเดิม พร้อมกับลดระยะเวลาผ่อนจากเดิมดังเช่นตัวอย่างที่ 2 สามารถลดระยะเวลาผ่อนได้ถึง 5 ปี หนี้ลดลงเกือบ 1 ล้านบาท
ตัวอย่างที่ 1 ผ่อนต่อเดือนถูกลง จำนวนปีเท่าเดิม ช่วยลดดอกเบี้ยประมาณ 5 แสนบาท
ตัวอย่างที่ 2 ผ่อนต่อเดือนใกล้เคียงกับยอดเดิม แต่เลือกจำนวนปีลดลง จาก 25 ปี เหลือ 20 ปี ช่วยลดยอดหนี้ประมาณ 9 แสนบาท
ทั้ง 2 ตัวอย่างนี้ ไม่ว่าจะเลือกแนวทางไหนต่างก็สามารถลดต้น ลดดอกได้อย่างเห็นได้ชัด แต่หากให้ผู้เขียนแนะนำ เลือกวิธีผ่อนค่างวดเท่าเดิม พร้อมกับลดระยะเวลาผ่อนให้น้อยลง จะช่วยฝึกวินัยการใช้เงินและปลดหนี้ได้รวดเร็วยิ่งขึ้นครับ สำหรับตัวอย่างข้างต้นนี้เป็นเพียงการจำลองตัวเลขสินเชื่อ หากผู้อ่านท่านใดต้องการเช็คยอดสินเชื่อของตนเอง สามารถคำนวณด้วยโปรแกรมออนไลน์ได้ที่ลิงค์นี้ครับ www.1213.or.th
อีกหนึ่งข้อดีในการรีไฟแนนซ์ ที่นอกจากจะช่วยลดต้น ลดดอก ลดหนี้จากเดิมไปได้มากแล้ว ยังสามารถกู้เพิ่มจากยอดเดิมได้อีกด้วยครับ โดยเฉพาะบ้านเก่าที่อาจมีส่วนใดให้ซ่อมแซม ต่อเติม หรือตกแต่งใหม่ให้กลับมาน่าอยู่อีกครั้ง ใช้โอกาสรีไฟแนนซ์นี้เพิ่มวงเงินได้ทันที แต่ทั้งนี้อย่าลืมประเมินความสามารถด้านการเงินให้รอบคอบ มิเช่นนั้นหนี้ที่มีอยู่อาจพอกพูนยากเกินจะผ่อนหมดได้
สำหรับเจ้าของบ้านที่ประเมินความสามารถของตนเอง ประกอบกับเงื่อนไขทางการเงิน ข้อเสนอของธนาคารจนเป็นที่พอใจและตัดสินใจจะรีไฟแนนซ์ก็ดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้
ผู้กู้อาจจะคิดว่าหากสามารถประหยัดเงินจากดอกเบี้ยเงินกู้ก้อนใหม่ ก็เท่ากับบรรลุเป้าหมายของการรีไฟแนนซ์แล้ว ซึ่งก็จริงเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่ควรทราบเพิ่มเติม ก็คือ การรีไฟแนนซ์จะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ค่าใช้จ่ายบางข้อเป็นค่าคงที่เท่ากันทุกธนาคาร แต่บางข้อก็แล้วแต่เงื่อนไข ดังนั้นจะพิจารณาเพียงเห็นว่าดอกเบี้ยถูกกว่าเท่านั้นจึงไม่พอ ควรศึกษารายละเอียดค่าใช้จ่ายในการขอรีไฟแนนซ์มาประเมินควบคู่กันด้วย โดยค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ มีดังนี้ครับ