ที่เที่ยวทะเลสวยๆ ที่แม้จะไม่มีวีซ่าก็ไปได้ ชวนไปเที่ยวทะเลในฝันสวยงามระดับโลก เป็นที่เที่ยวต่างประเทศที่ไม่ต้องใช้วีซ่า ก็สามารถไปลั้นลากับหาดทรายสีขาว ท้องทะเลสีฟ้าใสราวกับคริสตัลได้แบบชิลๆ หลายคนคงเคยใฝ่ฝันว่าอยากจะไปเที่ยวต่างประเทศแบบสวยๆ กับเขาสักครั้ง ซึ่งบางประเทศก็ต้องเสียทั้งเงินและเวลาไปกับการทำวีซ่าค่อนข้างมาก วันนี้เราจึงได้รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวทะเลต่างประเทศ ที่มีความสวยงามอันดับต้นๆ ของโลก และยังไม่ต้องใช้วีซ่ามาฝากกัน จะมีที่ไหนบ้าง ไปเก็บข้อมูลพร้อมๆ กันเลยค่ะ
1. มัลดีฟส์
พอบอกว่าเป็น มัลดีฟส์ หลายคนอาจจะเกิดข้อกังขาว่า ใช่หรือ ? อยากบอกว่าใช่แน่นอน ชัวร์ไม่มั่วนิ่มค่ะ มัลดีฟส์เป็นหนึ่งใน 29 ดินแดนที่ผู้มีหนังสือเดินทางประเทศไทยจะได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา โดยสามารถพำนักอยู่ในมัลดีฟส์ได้ไม่เกิน 30 วัน ได้ยินแบบนี้แล้วบอกเลยว่าตาลุกวาวมากๆ ยิ่งปัจจุบันมีสายการบินบินตรงกรุงเทพฯ-มัลดีฟส์ ก็ยิ่งสะดวกสบายมากขึ้นไปอีกเท่าตัว
ความน่าสนใจของมัลดีฟส์อยู่ตรงที่เป็นดินแดนกลางมหาสมุทรอินเดีย เป็นเกาะเล็กเกาะน้อย รวมกันมากกว่า 1,190 เกาะ ซึ่งแต่ละเกาะก็ต้องบอกว่าเป็นสวรรค์สำหรับคนรักทะเลสุดๆ เพราะมีหาดทรายที่ขาวสะอาด เนียนละเอียด น้ำทะเลยังเป็นสีฟ้าใสราวกับคริสตัล มีแนวปะการังให้ได้ดำน้ำชมมากมาย อีกทั้งยังมีสัตว์ทะเลที่น่าสนใจอีกนับไม่ถ้วน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีวิลล่ากลางน้ำ ที่จะทำให้คุณสัมผัสกับท้องทะเลแสนสวยนี้ได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย
2. ประเทศเซเชลส์ (Seychelles)
นั่นแน่...กำลังมีเครื่องหมายคำถามอยู่ในใจใช่ไหมคะ ว่าประเทศนี้อยู่ที่ไหน มาค่ะจะพาไปทำความรู้จักกับประเทศนี้กัน สาธารณรัฐเซเชลส์ เป็นประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรอินเดีย อยู่ห่างจากฝั่งทางตะวันออกของประเทศเคนยาประมาณ 1,800 กิโลเมตร ห่างจากทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย ประมาณ 3,300 กิโลเมตร และห่างจากทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะมาดากัสการ์ประมาณ 1,100 กิโลเมตร มีเมืองหลวงคือเมืองวิคตอเรีย (Victoria)
สภาพทั่วไปของเซเชลส์จะเป็นเกาะเล็กเกาะน้อย มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มากๆ ชาวเมืองส่วนใหญ่จะยังคงใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ประเทศนี้คนไทยยังให้ความสนใจน้อยมาก เพราะอยู่ค่อนข้างไกล แต่จะบอกให้ว่าท้องทะเลของที่นี่สวยงามไม่แพ้มัลดีฟส์เลยทีเดียว ที่สำคัญยังไม่ต้องขอวีซ่าอะไรให้วุ่นวาย สามารถพำนักอยู่ในเซเชลส์ได้มากถึง 30 วัน พักผ่อนกันยาวๆ ไปเลย
3. สิปาดัน (Sipadan) ประเทศมาเลเซีย
สิปาดัน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเล ที่นักท่องเที่ยวและนักดำน้ำรู้จักกันดี เพราะที่นี่เป็นแหล่งดำน้ำลึกที่สวยงามสุดๆ แห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว เกาะแห่งนี้เป็นเพียงเกาะเล็กๆ ที่โผล่ขึ้นมาจากท้องทะเลประมาณ 600 เมตร ห่างจากทางตอนใต้ของเมือง Semporna รัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย ประมาณ 35 กิโลเมตร
สิ่งที่โดดเด่นของสิปาดันก็คือท้องทะเลที่ใสสะอาด สวยงามราวกับคริสตัล อีกทั้งหาดทรายยังขาวเนียนละเอียด นุ่มน่าสัมผัส บริเวณชายฝั่งก็มีแนวปะการังให้ได้ว่ายวนชื่นชมไม่รู้เบื่อ ยิ่งถ้าดำน้ำลึกก็จะได้เห็นความสวยงามที่สิปาดันซ่อนอยู่ เพราะใต้ท้องทะเลจะมีปะการังสวยงามหลากสีสัน พร้อมกับสัตว์ทะเลอีกหลากหลายชนิด บนเกาะสิปาดัน ไม่มีที่พัก นักท่องเที่ยวจึงต้องพักในเกาะใกล้เคียง ซึ่งมีลักษณะเป็น Water Villa อยากจะบอกว่าบรรยากาศแจ่มพอๆ กับมัลดีฟส์เลยล่ะ การไปเยือนสิปาดัน สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยจะได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา โดยสามารถอยู่พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน
4. หมู่เกาะกีลี (Gili Islands) ประเทศอินโดนีเซีย
หมู่เกาะกิลี ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะลอมบอก (Lombok) ในประเทศอินโดนีเซีย ประกอบไปด้วย 3 เกาะ คือ Gili Trawangan, Gili Meno และ Gili Air เป็นอีกหนึ่งสรวงสรรค์สำหรับคนที่รักการท่องเที่ยวทะเล ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียค่อนข้างมาก เพราะบรรยากาศบนเกาะกีลีนั้นเงียบสงบ อีกทั้งธรรมชาติทางท้องทะเลยังงดงามราวกับสวรรค์น้อยๆ เลยทีเดียว
ทั้ง 3 เกาะนั้นมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป ถ้าใครชอบบรรยากาศที่คึกคักก็ต้องไปพักที่ Gili Trawangan ที่นี่จะมีทั้งผับบาร์ริมทะเลสุดชิลสไตล์บ้านๆ ไปจนถึงร้านค้า ร้านอาหารสุดหรูหรา แต่ถ้าชอบความเรียบง่าย ก็ต้องลองไปเที่ยวที่เกาะ Gili Meno ที่นี่ชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตกันแบบดั้งเดิม ไม่มีรถยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์ เพราะเกาะแห่งนี้เล็กมากๆ สามารถเดินเที่ยวชมได้รอบเกาะภายใน 2 ชั่วโมง ส่วนถ้างบน้อยลงมาหน่อย ก็แนะนำให้ไปพักที่ Gili Air ยังคงมีความเป็นชนบทค่อนข้างมาก มีที่พักถูกๆ ให้เลือกเพียบ จะไปเกาะไหนก็เลือกตามกำลังทรัพย์กันเลย
การไปเที่ยวเกาะกีลี นักท่องเที่ยวไม่ต้องทำวีซ่า เพราะประเทศอินโดนีเซียเป็นหนึ่งใน 29 ดินแดนที่ผู้ถือหนังสือเดินทางประเทศไทยจะได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา สามารถพำนักได้ไม่เกิน 30 วัน
5. เกาะปาลาวัน (Palawan) ประเทศอินโดนีเซีย
เกาะปาลาวัน (Palawan) เป็นอีกหนึ่งเกาะที่ถ้าคุณได้ไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งจะต้องร้องว้าวอย่างแน่นอน เพราะความสวยงามของท้องทะเลที่นี่ไม่แพ้ทะเลสวยๆ ที่ไหนในโลกเลยทีเดียว และด้วยความที่เกาะปาลาวันตั้งอยู่ระหว่างทะเลจีนใต้และทะเลซูลู จึงทำให้สีของน้ำทะเลเป็นสีฟ้าเขียวมรกต สวยสดงดงามเป็นเอกลักษณ์มากๆ
เกาะแห่งนี้มีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนน้อยใหญ่สลับกันไป มีหาดทรายสีขาวสะอาดตา พร้อมกับแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์ บรรยากาศโดยรอบเกาะเงียบสงบสุดๆ ชาวเกาะยังคงใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย คุณจะได้นั่งมองพระอาทิตย์ตกลงสู่ทะเลอย่างงดงาม ได้กินอาหารทะเลสดใหม่รสชาติหวานนุ่ม ได้สัมผัสกับท้องทะเลที่ใสแจ๋ว และดำน้ำชมปะการัง พร้อมทั้งสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด เรียกได้ว่าที่นี่คือสวรรค์ชั้นเจ็ดแห่งฟิลิปปินส์เลยทีเดียว
สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ไม่ต้องทำวีซ่า สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน
6. เกาะโบราไกย์ (Boracay) ประเทศฟิลิปปินส์
เกาะโบราไกย์ (Boracay) เป็นอีกหนึ่งเกาะสวาทหาดสวรรค์ที่นักเดินทางทั่วโลกต่างต้องการมาสัมผัส ความสวยงามของที่นี่ก็น้อง ๆ มัลดีฟส์เลยเชียว เพราะหาดทรายจะขาวเนียนละเอียด น้ำทะเลเป็นสีฟ้าคริสตัลใสแจ๋วราวกับกระจก ที่สำคัญค่าใช้จ่ายต่างๆ ยังไม่สูงเท่ากับการไปเที่ยวมัลดีฟส์อีกด้วย ใครที่ชอบทะเลบอกเลยว่าถ้าได้มาที่นี่จะฟินมาก (ใส่ ก. ล้านตัว)
เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากกรุงมะนิลาไปทางใต้ประมาณ 315 กิโลเมตร เป็นเกาะที่มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และสะอาดสุดๆ เพราะมีกฎหมายที่เข้มงวดในเรื่องของการทิ้งขยะ ท้องทะเลและหาดทรายของที่นี่จึงงดงามอลังการ เป็นพาราไดซ์ชั้นดีที่ต้องไปสัมผัสกันสักครั้ง
การเดินทางไปเที่ยวเกาะโบราไกย์ นักท่องเที่ยวชาวไทยไม่ต้องทำวีซ่า สามารถพำนักอยู่ไม่เกิน 30 วัน
7. เกาะมิยาโกะ (Miyako Island) เมืองโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น
ใครว่าญี่ปุ่นจะมีแค่ภูเขาหิมะ ใบไม้เปลี่ยนสี และซากุระให้ได้ชื่นชมเท่านั้น อันที่จริงแล้วประเทศแห่งนี้ก็ยังซ่อนท้องทะเลที่สวยงามระดับโลกไว้อีกด้วย โดยหนึ่งในทะเลที่สวยงามของญี่ปุ่น ก็คือ เกาะมิยาโกะ (Miyako Island) ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งเมืองโอกินาวา (Okinawa) ประมาณ 300 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นเกาะแบนราบ เต็มไปด้วยชายหาดที่ขาวสะอาดตา เนื้อทรายจะนุ่มเนียนละเอียด ทอดยาวลงไปหาน้ำทะเลสีฟ้าใส ซึ่งมีแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์รายล้อมรอบๆ ชายฝั่ง ยาวประมาณ 2 กิโลเมตร และกว้าง 200 เมตร หาดทรายที่มีชื่อเสียง เช่น หาด Maehama, หาด Yoshino และหาด Sunayama ฯลฯ
สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 15 วัน
เห็นแบบนี้แล้วกระตุ้นต่อมอยากไปเที่ยวขึ้นมาทันทีเลยใช่ไหมคะ เอ้า ! ถ้าอย่างนั้นมาเริ่มหยอดกระปุกกันดีกว่า ใครชอบที่ไหน ก็ตั้งเป้ากันไว้เลยค่ะ แต่ขอบอกว่าทะเลเหล่านี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน :)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
consular.go.th, sameaf.mfa.go.th, seychelles, gili-paradise.com, jnto.go.jp, kapook