นาฬิกาเป็นเครื่องมือในการบอกเวลาในแต่ละวันของเรา โดยใช้หน่วยเป็น ชั่วโมง นาที วินาที และมีความจำเป็นมากในการใช้ชีวิตของเราเอง นาฬิกาจึงอยู่ทุกหนทุกแห่งไม่ว่าจะเป็นที่เราติดไว้ตามฝา นาฬิกาข้อมือ และยังนำไปอยู่ในระบบ มือถือ คอมพิวเตอร์ เพราะว่าระบบพวกนี้จะต้องมีเวลาในการควบคุม ไม่มีอะไรที่ระบุหรือแสดงแดงเวลาได้เท่ากับนาฬิกาได้อีก ถึงแม้อย่างอื่นจะสามารถดูเวลาได้แต่ไม่ละเอียดเท่ากับนาฬิกาได้ ซึ่งสมัยโบราณไม่มีนาฬิกาอาศัยดวงอาทิตย์ในการดูเวลาการกลางวัน กลางคืนอาจจะใช้ดวงดาวเป็นหลักในการดูเวลา นาฬิกานั้นมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานนับพันปีกว่าจะมาเป็นนาฬิกาที่เราใช้กันอยู่ เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีประโยชน์ต่อมนุษยชาติเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งแบ่งเป็นยุคดังนี้
ยุคนาฬิกา ฟ้า
เป็นจุดเริ่มต้นในการใช้ฟ้าและดวงอาทิตย์ในการบอกเวลาแบบหยาบๆ และปัจจุบันยังใช้วิธีนี้อยู่ บางอาชีพไม่ได้ต้องดูนาฬิกาเพียงอาศัยแสงแดดในการทำงาน หมดแสงก็หยุดทำงานเช้ามาก็เริ่มทำงาน การกำหนดเวลาแบบนี้ได้แค่เช้า สาย บ่าย เย็น โดยใช้ดวงอาทิตย์เป็นหลักในการบอกเวลา และใช้บอกได้ตอนกลางวันเท่านั้น กลางคืนต้องใช้ดวงดาวแทน การใช้ท้องฟ้าดูนั้นเกิดขึ้นมาตั้งแต่แรกเริ่ม
ยุคนาฬิกา แดด
ในยุคของกรีก นานกว่า 2300 ปีมาแล้ว ใช้แสงแดดจากดวงอาทิตย์และเงามีความสัมพันธ์กันคือ ตอนเช้าเงาจะมีความยาวมาก และจะค่อยๆสั้นลงเมื่อใกล้เที่ยงและหลังจากนั้นบ่ายจะเริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆ โดยนาฬิกานี้วัดด้วยการนับเป็นก้าวของเงาที่มีความยาว โดยชาวกรีกนั้นจะใช้เสาไว้ในหมู่บ้านเพื่อใช้ดูนาฬิกา และต่อมาชาวบาบิโลนได้ทำการสังเกตจนสามารถระบุจากเงามาเป็นหน่วย ชั่วโมง นาที และวินาทีนั้นเอง แต่พอตกลางคืนนาฬิกาแดดก็ใช้ไม่ได้และวันที่ไม่มีแดดท้องฟ้าไม่เปิดก็ใช้ไม่ได้เช่นกัน
ยุคนาฬิกาน้ำ
ยุคนาฬิกาน้ำเป็นยุคที่ได้รับการพัฒนามานานและหลายขั้นตอน และเป็นน้ำจากเดิมใช้สภาพอากาศเป็นการบ่งบอกเวลาไม่ต้องอาศัยธรรมชาติในการบอกเวลาอีกต่อไป นาฬิกานี้อันที่จริงก็เกิดจากชาวบาบิโลน ต่อมาชาวรัชเชียมาประยุกต์โดยใช้กาน้ำชา โดยเติมน้ำให้เต็มทำก็อกให้หลวมๆ พอให้น้ำหยดออกมาได้ พอหมดน้ำก็เติมใหม่พอหมดไป 1 กาก็นับว่า 1 ชั่วโมง แต่ชาวบาบิโลนนั้นใช้หม้อดินเจาะรู หม้อดิน 1 หม้อนับเป็นหนึ่งชั่วโมง นาฬิกานี้สามารถใช้ได้ตลอดทั้งวัน ทางจีนได้รับความรู้นี้มาและทำการสร้างเพิ่มเดิมด้วยการนำถังทั้งหมด 4 ถัง แล้วทำการวางเป็นชั้นๆ ให้เติมน้ำใบแรกเท่านั้น น้ำก็จะไหลลงไปยังถังที่ต่ำกว่าถัดไปเรื่อยๆ จนถึงถังสุดท้ายแล้วเติมทั้งแรกใหม่ น้ำที่หมดในหนึ่งถัง นับ 1 ชั่วโมง
ยังมีการพัฒนาไม่หมดสำหรับนาฬิกาน้ำ มีการประดิษฐ์ที่เรียกว่า เคลปโซดรา มีอุปกรณ์ ถังเล็ก ถังใหญ่อย่างละ 1 ถัง และมีอุปกรณ์ที่ใช้ลอยน้ำ นำน้ำใส่ถังเล็กที่ได้เอาวัตถุลอยน้ำวางไว้ เติมน้ำไปเรื่อยๆ ใช้วัตถุที่ลอยน้ำในการบอกระดับเวลาว่าเท่าไหร่ ต่อมาใช้หม้อน้ำหรือถังน้ำเจาะรู แต่มีข้อบกพร่องตรงที่ว่าน้ำเยอะน้ำก็จะหยดลงเร็วพอน้ำน้อยน้ำก็จะหยดช้า จึงออกแบบเป็นกรวยจะทำให้น้ำหยดสม่ำเสมอ
ยุคนาฬิกาทราย
ในการพัฒนาโดยไม่ใช้น้ำ หลังจากใช้น้ำมานานแสนนาน นาฬิกาทรายจะสามารถบอกเวลาโดยละเอียด สามารถบอกเวลาเป็น ห้านาที สิบนาทีได้ โดยทำจากทรายละเอียดจากหินอ่อน ซึ่งสมัยนั้นเป็นการกำหนดเวลาในการหุงต้มอาหารต่างๆ
ยุคนาฬิกาลูกตุ้ม
นาฬิกาลูกตุ้ม เป็นการใช้ลูกตุ้มทำการถ่วงน้ำหนักให้ลูกล้อทำงาน ในสมัยนั้นมักติดตั้งวัดต่างๆ สถานที่ทางศาสนาเพราะพระต้องใช้เวลาในการทำพิธีรกรรมต่างๆเริ่มต้นมีเพียงเข็มบอกชั่วโมงเท่านั้น และต่อมาใช้ในการตีระฆังเพื่อส่งเสียงบอกเวลาเป็นระยะ ซึ่งได้มีการประดับทำให้นาฬิกานั้นสวยงามมากขึ้น
นาฬิกาสปริง
และแล้วนาฬิกาแบบพกพาได้กำเนิดขึ้นเมื่อ ปีเตอร์เฮนไลน์ เป็นช่างซ่อมนาฬิกาได้คิดค้นนาฬิกาใช้สปริงและกลไกลนำมาใช้เป็นนาฬิกาพกพา แต่ช่วงแรกนั้นทำขึ้นไม่สามารถบอกเวลาได้แม่นยำนัก ทาสหรัฐอเมริกาได้มีการคิดค้นนาฬิกาที่มีความแม่นยำขึ้นมาและมีความดูดีและราคาสูงขึ้น ไม่นานมากนักทางประเทศสวิส ได้มีการก่อตั้งเป็นสมาคมนาฬิกาขึ้นมา ทำให้นาฬิกาของประเทศนั้นมีการพัฒนาให้มีราคาที่แพงขึ้น มีความเที่ยงตรงและใช้วัสดุที่มีราคาแงเป็นส่วนประกอบเพื่อความสวยงามและเพิ่มมูลค่า
ในปัจจุบันใช้แบตเตอรี่แทนและมาราคาถูกกว่าเดิมบอกเวลาที่เที่ยงตรงมากขึ้น จากเข็มใช้เป็นตัวเลขดิจิตอลจึงทำให้มีความแม่นยำมากขึ้นในการบอกเวลาที่ละเอียด แต่ถึงอย่างไรก็ตามยังนิยมใช้นาฬิกาแบบเข็มอยู่ดีเพราะว่ามีความสะดวกในการดูและสามารถเป็นเครื่องประดับชั้นดีได้เลย