การขอสินเชื่อจากธนาคารใหม่ เพื่อปิดหนี้ของสินเชื่อเดิม ทำให้ได้ดอกเบี้ยที่ถูกกว่า ผ่อนชำระต่อเดือนน้อยลง ผ่อนหมดเร็วขึ้น ถึงแม้ว่าการรีไฟแนนซ์บ้านจะทำให้เราประหยัดเงินจากดอกเบี้ยได้เป็นแสน แต่ก็ยังมีคนที่ทำการรีไฟแนนซ์บ้านอยู่น้อยมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าไม่รู้ว่าการรีไฟแนนซ์ทำอย่างไร ทำให้เสียโอกาสที่จะผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้นในที่สุด
เหมาะแก่ผู้ที่ผ่อนชำระมามากกว่า 3 ปี หรือ 5 ปี ตามที่สัญญากู้ระบุ และต้องการลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลง
2.เตรียมเอกสารประกอบการยื่นรีไฟแนนซ์
เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้าน มีทั้งหมด 3 ประเภท
1.เอกสารแสดงข้อมูลส่วนบุคคล เช่น บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน
2.เอกสารแสดงรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน สำเนาเดินบัญชีธนาคารย้อนหลัง
3.เอกสารด้านหลักประกัน เช่น โฉนดที่ดิน สัญญาเงินกู้ธนาคารเดิม
3.ยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่
ปกติแล้วหลังจากที่ยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์พร้อมส่งเอกสารเรียบร้อย ธนาคารจะทำการนัดหมายเพื่อส่งคนมาประเมินราคาหลักประกัน และใช้เวลาพิจารณาอนุมัติประมาณ 2-4 สัปดาห์ ให้ยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์ก่อนผ่อนครบ 3 ปี ได้เลย จะได้พอดีกัน
4.สอบถามยอดหนี้คงเหลือ และนัดวันไถ่ถอนจากธนาคารเก่า
เมื่อได้รับการอนุมัติจากธนาคารใหม่แล้ว เจ้าหน้าที่ธนาคารจะแจ้งให้เราไปสอบถามยอดหนี้คงเหลือและนัดวันไถ่ถอนจากธนาคารเก่า เพื่อให้ธนาคารใหม่และธนาคารเก่าสามารถโอนหนี้ให้กันได้อย่างถูกต้อง
5.ไปทำสัญญาและจดจำนองที่กรมที่ดิน
เพื่อให้ไม่เป็นการรบกวนเวลาลูกค้ามากจนเกินไป เจ้าหน้าที่จากธนาคารใหม่จะถือสัญญาไปให้เซ็นที่กรมที่ดิน พร้อมๆกับการไปทำสัญญาจำนองที่กรมที่ดินในวันเดียวกันเลย เพื่อความสะดวกของทางลูกค้าเอง
การรีไฟแนนซ์บ้านจะมีค่าใช้จ่ายหลักๆอยู่ 5 อย่าง คือ
1.ค่าประเมินราคา ประมาณ 2-3 พันบาท (โปรโมชั่นบางธนาคาร ฟรีค่าประเมินราคา)
2.ค่าจดจำนอง จ่ายให้กรมที่ดิน 1% ของวงเงินกู้ (โปรโมชั่นบางธนาคาร ฟรีค่าจดจำนองครับ)
3.ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงิน
4.ค่าธรรมเนียมอื่นๆ ของธนาคาร เช่น ค่าธรรมเนียมสินเชื่อ
5.ประกันอัคคีภัย (ซึ่งประกันอัคคีภัย ถึงเราไม่ได้รีไฟแนนซ์ ก็ต้องทำทุก 1-3 ปี ตามกฎหมาย)