7 สิ่งมหัศจรรย์ในเมืองไทย ไม่ใหม่แต่เพิ่งรู้


ข่าวสาร admin 8 ม.ค. 2561

ผลการโหวตอาจไม่ใช่การตัดสินใจของคนทั้งประเทศ แต่ก็เป็นอีกข้อมูลที่ทำให้ทราบว่า “เมืองไทยก็มีด้วย”

อันดับ 1 สวรรค์ใต้ทะเล หมู่เกาะสิมิลัน

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน อยู่ในเขต จ.พังงา ประกอบด้วย 9 เกาะ ได้แก่ เกาะหูยง ปายัง ปาหยัน เมี่ยง (เกาะนี้มี 2 เกาะ) ปายู หัวกะโหลกหรือเกาะบอน สิมิลัน และบางู

สิ่งที่ถูกโหวตให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ คือ ความสวยงามใต้ท้องทะเล สำหรับการดำน้ำลึกมีที่เกาะบอนเป็นจุดพบปลากระเบนราหู ฉลามครีบขาว ฉลามกบ และฉลามวาฬ มากที่สุด เกาะบางูมีจุดดำน้ำที่กองหินคริสต์มาสจะพบปะการัง กัลปังหา กองหินรูปร่างประหลาด และปลาไหลริบบิ้นสีฟ้า และบริเวณเหนือสุดของอุทยานที่เกาะตาชัยพบปลาสาก ปลาค้างคาว ปลากระเบนราหู และฉลามวาฬ ส่วนจุดดำน้ำตื้นมีที่อ่าวลึกและอ่าวกวางเอง

นักท่องเที่ยวจะได้เข้าไปสำรวจอีกครั้งในเดือน พ.ย.-เม.ย.ปีหน้า 6 เดือน ที่มากพอให้ไปสัมผัสสวรรค์ด้วยตา

สวรรค์ใต้ทะเล หมู่เกาะสิมิลัน

อันดับ 2 ขุนเขารูปหัวใจ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย มีลักษณะเป็นรูปหัวใจเบี้ยวๆ หากมองในมุมเบิร์ดอายวิว ถ้ามองในแนวราบจะไม่รู้ตัวเลยว่าได้อยู่ใจกลางหัวใจของธรรมชาติแล้ว

ภูกระดึงมักเป็นเส้นทางแรกๆ ของนักท่องเที่ยวที่คิดจะเดินป่า ด้วยความพร้อมของบ้านพัก เต็นท์ ร้านอาหาร และลูกหาบ ทำให้นักท่องเที่ยวเบาใจเรื่องที่อยู่การกินไปได้ ระยะทางเดินขึ้นเขาประมาณ 5 กิโลเมตร ทำให้เหมาะแก่การประเดิม

ด้านบนของภูกระดึงเป็นลานหินกว้าง เรียกว่า ผาหล่มสัก เป็นจุดกางเต็นท์และจุดชมพระอาทิตย์ตกที่ดีที่สุด ส่วนจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นอยู่ที่ผานกแอ่น ในแต่ละวันทางอุทยานจะจำกัดนักท่องเที่ยวไม่เกิน 5,000 คน กางเต็นท์ได้ไม่เกิน 200 หลัง โดยในช่วงฤดูฝนเดือน มิ.ย.ก.ย.ของทุกปี อุทยานจะปิดชั่วคราวเพื่อให้ธรรมชาติฟื้นตัว

ขุนเขารูปหัวใจ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง


อันดับ 3 สโตนเฮนจ์เมืองไทย มอหินขาว

แท่งหินทรายสีขาวกลางทุ่งหญ้าในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคามักถูกนำไปเปรียบกับสโตนเฮนจ์ ประเทศอังกฤษ ความดังของมันทำให้คนพอนึกออกว่าหน้าตาเป็นอย่างไร แต่มอหินขาวมีมากกว่าและรูปร่างประหลาด

มอหินขาวมีอายุประมาณเกือบ 200 ล้านปี มีกลุ่มหินที่น่าสนใจอย่างหินเจดีย์โขลงช้าง หินต้นไทร หินล้านปี และจุดชมวิวผาหัวนาค ความขาวของหินทรายจะเปล่งประกายยามเช้าตรู่เมื่อแสงอาทิตย์อ่อนๆ ส่องมา และยามค่ำของคืนพระจันทร์เต็มดวง หินจะเปล่งสีนวลเหมือนแสงจันทร์ ด้านบนบริเวณกลุ่มหินชุดแรกสามารถกางเต็นท์ได้ เป็นอีกบรรยากาศสำหรับการนอนในอุทยานแห่งชาติที่ล้อมรอบด้วยทุ่งหญ้าและหินสีขาวแทนพงไพร

สโตนเฮนจ์เมืองไทย มอหินขาว

อันดับ 4 พระพุทธรูปองค์ใหญ่ หลวงพ่อโต

พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะแบบอู่ทอง ขนาดหน้าตักกว้าง 14 เมตร สูง 19.13 เมตร เป็นลักษณะของหลวงพ่อโตในพระวิหารวัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา

หลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปนั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้นจนถึงปัจจุบัน ประดิษฐานอยู่ในพระวิหารที่สร้างขึ้นภายหลัง ด้านข้างองค์พระมีพระอัครสาวกอยู่ซ้ายและขวา และผนังทั้งสี่ด้านของพระวิหารเจาะเป็นช่องประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดเล็กจำนวน 8.4 หมื่นองค์ เท่ากับจำนวนพระธรรมขันธ์

วัดพนัญเชิงวรวิหาร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสักทางทิศใต้ มีอายุเก่าแก่ตั้งแต่ก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา และเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวอยุธยามาช้านาน

พระพุทธรูปองค์ใหญ่ หลวงพ่อโต

อันดับ 5 ท้องฟ้าจำลองที่ทันสมัยที่สุดในเออีซี ศูนย์วิทยาศาสตร์และการศึกษา รังสิต

แม้ภายนอกจะดูไม่ทันสมัยและนิทรรศการถาวรด้านในยังขัดข้องบางจุด แต่ท้องฟ้าจำลองนั้นต่างออกไป เพราะทั้งใหม่และทันสมัยกว่าใครในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ท้องฟ้าจำลอง รังสิต เป็นห้องฉายดาวแบบโดมเอียง สามารถฉายภาพยนตร์แบบไอแม็กซ์ได้ มีที่นั่งทั้งหมด 160 ที่นั่ง โดยจะเปิดการแสดงวันละ 6 รอบ วันเสาร์วันอาทิตย์เพิ่มรอบพิเศษ 1 รอบ เรื่องที่นำเสนอมีทั้งเรื่องดวงดาว การกำเนิดสิ่งมีชีวิต และนักดาราศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีหอดูดาวแบบโดม พร้อมกล้องขนาด 16 นิ้ว กล้องแบบนิวโทเทียม 16 นิ้ว และกล้องหักเหแสง 4 นิ้ว ให้เข้าชมในเวลาทำการ


ท้องฟ้าจำลองที่ทันสมัยที่สุดในเออีซี ศูนย์วิทยาศาสตร์และการศึกษา รังสิต


อันดับ 6 จุดสูงสุดในประเทศไทย ยอดดอยอินทนนท์

ยอดดอยอินทนนท์จุดสูงสุดในสยาม อยู่ที่ระดับ 2,565.3341 เมตร จากระดับน้ำทะเล ดอยอินทนนท์เป็นจุดสิ้นสุดของเทือกเขาหิมาลัยที่เริ่มจากประเทศเนปาล ภูฏาน พม่า และจบที่ไทยที่ จ.เชียงใหม่

ด้วยความสูงทำให้บนยอดมีอากาศเย็นตลอดปีและหนาวจัดในช่วงเดือน ธ.ค.ม.ค นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมป่าดิบชื้นและกลุ่มหมอกยามเช้าได้ตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ มีจุดสำคัญคือสถูปเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าเมืองเชียงใหม่พระองค์สุดท้าย นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อที่พักในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เพื่อชมดาวยามค่ำคืนและสัมผัสอากาศหนาว ณ จุดที่สูงที่สุดในประเทศไทย

จุดสูงสุดในประเทศไทย ยอดดอยอินทนนท์

อันดับ 7 ท่องป่าดึกดำบรรพ์ หุบป่าตาด

เดินๆ อยู่แล้วกลัวไดโนเสาร์โผล่ออกมา เพราะบรรยากาศป่าดึกดำบรรพ์ที่หุบป่าตาด จ.อุทัยธานี มันเหมือนฉากในหนังจูราสสิค พาร์ค ไม่มีผิด ทั้งต้นตาด เต่าร้าง ขนุนดิน เปล้า และคัดเค้าเล็ก เป็นไม้หายาก จึงตื่นตากว่าป่าทั่วไป

หุบป่าตาดเป็นถ้ำในหุบเขา ค้นพบโดยพระครูสันติธรรมโกศล เจ้าอาวาสวัดถ้ำทอง เป็นหุบเขาที่เต็มไปด้วยต้นตาด และเมื่อปี 2527 ได้มีการเจาะถ้ำเข้าไป ด้านในเป็นป่าดิบชื้นมืดสนิท ยกเว้นจุดที่เป็นปล่องในเวลาเที่ยงวันแสงจะตั้งฉากส่องถึงพื้น ระยะทางเดินไปและกลับประมาณ 700 เมตร นักท่องเที่ยวต้องเตรียมไฟฉายและยากันยุงติดตัวไปด้วย

ท่องป่าดึกดำบรรพ์ หุบป่าตาด


(ข้อมูลจากเว็บไซต์ 7WondersThailand.com)

Sirispace New update