ไม่มีความรู้สึกใดเปรียบได้กับ การกำจัดของที่ไม่จำเป็นออกไปชีวิต การได้ปล่อยวางสิ่งเก่าๆ ไป และการขนขยะไปทิ้ง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่จบแค่นั้น เพราะหลังจากข้าวของสารพันหายไปแล้ว พื้นที่ว่างที่คุณได้กลับคืนมา ก็ยังทำให้คุณมีความสุขได้ด้วย
มีที่เก็บของมากขึ้น
การมีของน้อยลง ช่วยลดปัญหาของการหาที่เก็บของ เพราะไม่ใช่เรื่องสนุกเลยกับการต้องจัดทุกตารางนิ้วให้แน่นเพื่อให้เก็บของเพิ่มได้อีกซักชิ้น ห้องโล่งๆ ช่วยให้หายใจหายคอได้มากกว่าเยอะ
ช่วยลดเวลาในการจัดเก็บและทำความสะอาดลงได้
ลองนึกถึงของกระจุกกระจิกบนชั้นวางที่เต็มไปด้วยฝุ่นดูสิ (บรรดารูปถ่ายที่เต็มไปด้วยความทรงจำทั้งหลาย ย้ายไปรวมกันในอัลบั้มจะดีกว่า) ถ้าไม่มีของพวกนี้ คุณก็ไม่ต้องใช้เวลาวันหยุดทั้งวันไปกับการทำความสะอาด (ซึ่งหากไม่ทำก็รู้สึกผิดอีก)
ได้สัมผัสอิสระของการลดขนาดความต้องการในชีวิต
บ้านที่มีหน้าที่เป็นที่เก็บของมากกว่าที่อยู่อาศัยนั้น จะค่อยๆ เปลี่ยนชีวิตคุณให้กลายเป็นคนไม่ค่อยอยากขยับไปไหน แต่บ้านที่ทำหน้าที่หลักเป็นที่อยู่อาศัยและเก็บเฉพาะของที่จำเป็นนั้น จะช่วยคุณลดขนาดความต้องการ เพื่อหันกลับมามองสิ่งที่จำเป็นจริงๆ แล้วคุณจะได้สัมผัสอิสระของการออกจากบ้านไปส่งเด็กๆ ที่โรงเรียน หรือแม้แต่ออกไปเดินทางท่องโลกก็ยังได้
ไปท่องเที่ยวได้ง่ายขึ้น
ถ้าได้ลองจัดตู้เสื้อผ้าอาจทำให้คุณเกิดความคิดอยากไปเที่ยว เพราะในตู้เสื้อผ้ามีเสื้อผ้าหลายชุดที่ชอบและใส่สบาย คุณอาจไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับกองเสื้อผ้ามหาศาลและต้องเลือกว่าจะใส่อะไรดี การเก็บกางเกงตัวโปรดใส่สบาย กับเสื้อยืด เชิ้ตคู่ใจก็ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นมาก รวมทั้งยังใช้เวลาแค่ไม่นาน
ไม่ต้องเสียเวลามานั่งตัดสินใจให้เมื่อย
การเก็บของไว้เยอะๆ จะกินพลังงานโดยเปล่าประโยชน์ ไม่ใช่แค่ตอนจัดเก็บหรือทำความสะอาด แต่ยังรวมถึงตอนเลือกใช้ด้วย ลองนึกถึงช่วงที่คุณจัดงานเลี้ยงมื้อเย็นที่บ้านแล้วต้องเลือกลายผ้าปูโต๊ะให้เข้ากันดูซิ ความคิดซับซ้อนแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นได้ “ถ้าเลือกผืนที่เป็นลูกไม้ แล้วมีอะไรหกเลอะบนผ้า จะซักออกได้ไหมนะ แล้วถ้าเลือกผืนสีเขียวแกมน้ำเงินล่ะ ก็สวยดีแต่ดูไม่เข้ากับสีผ้ากันเปื้อนเลย ดูรวมๆ แล้วกระจัดกระจายมาก แต่ถ้าเลือกผืนสีขาว ก็ดูน่าเบื่อไป ไม่มีสีสันเลย” ยิ่งคิดยิ่งเหนื่อย แต่ถ้าคุณมีผ้าปูโต๊ะแค่ผืนเดียว คุณก็แค่หยิบมันมา กางปูลงบนโต๊ะ จบ
มีเวลาทุ่มเทให้กับสิ่งที่สำคัญจริงๆ
การต้องใช้เวลาและพลังงานไปกับสมบัติต่างๆ ที่มีนั้น ไม่ได้เอาไปแค่อิสระในการหายใจหายคอเท่านั้น แต่เอาพื้นที่อิสระในการผ่อนคลายทั้งจิตใจและอารมณ์ไปด้วย อย่างเช่นตอนที่จัดระเบียบหนังสือของลูกๆ ลองเลือกเก็บไว้แค่เฉพาะเล่มที่รักจริงๆ ที่อยากหยิบมาอ่านกับลูกทุกคืน แล้วคุณจะพบว่า แทนที่จะต้องมานั่งมองหนังสือกองพะเนิน คุณจะได้อ่านเล่มที่มีอยู่จริงๆ ซะที
สิ่งสำคัญที่สุดคือ เมื่อคุณขจัดข้าวของที่ไม่จำเป็นทิ้งไป คุณก็จะได้เอาเวลาที่ต้องดูแลของพวกนี้ มาใส่ใจตัวเองและคนรอบข้างแทน ซึ่งนั่นแหละคือหัวใจสำคัญของการทำทุกสิ่งให้มีความสุข