มีหลายคนที่คิดจะซื้อบ้านแล้วยังไม่รู้ว่า ค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้านนอกจาก ค่าใช้จ่ายตามราคาซื้อขายแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอะไรที่ไม่รวมอยู่ในราคาบ้านที่ผู้ซื้อต้องจ่าย มาดูกันค่ะ
1. ค่าจอง ทำสัญญา เงินดาวน์ ค่าใช้จ่ายก้อนนี้รวมๆแล้วใช้เงินประมาณ 10-20% แล้วแต่โครงการบ้านจะกำหนดมา โดยจะเริ่มจากเงินจองและเงินทำสัญญาก่อน หลังจากนั้นจะเป็นเงินดาวน์ ซึ่งถ้าเป็นบ้านที่ยังไม่ก่อสร้างก็สามารถผ่อนดาวน์เป็นงวดๆได้
2. ค่าเปลี่ยนสัญญา ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในกรณีซื้อขายคอนโดมากกว่าซื้อบ้านจัดสรร มักเกิดขึ้นในขั้นตอนระหว่างการผ่อนดาวน์หรือก่อนโอน ทั้งนี้ให้ดูสัญญาที่ตกลงทำกันเป็นหลัก
ถ้าเป็น “สัญญาจะซื้อจะขาย” ในทางกฏหมายจะเรียกเก็บค่าเปลี่ยนสัญญาไม่ได้ แต่ที่เรียกเก็บได้มักเป็นกรณีที่เจ้าของโครงการเลี่ยงด้วยการใช้ “สัญญาจอง” ส่วนค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนสัญญาส่วนใหญ่คิดกันเป็นหลักหมื่นตามสัดส่วนราคาห้องชุด
3. ค่าใช้จ่ายในการกู้ หลักๆมักเป็น “ค่าประเมินหลักทรัพย์” ซึ่งจะจ่ายตอนยื่นกู้ โดยต้องจ่ายการแล้วถึงจะมีการประเมิน และถึงแม้ว่าจะกู้ผ่านหรือไม่ผ่านก็ตามก็จะไม่ได้เงินส่วนนี้คืน ยิ่งถ้ากู้หลายธนาคารก็ยิ่งต้องจ่ายมาก ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 2,000-3,000 บาท หรืออาจมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับราคาบ้านด้วย
หลังจากนี้ก็จะมีค่าใช้จ่ายตอนทำสัญญากู้ เรียกว่า “ค่าจดจำนอง” ปกติคิดอัตรา 1% ของมูลค่าจดจำนอง
4. ค่าโอนกรรมสิทธิ์ เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ ในทางกฏหมายกำหนดว่าต้องแบ่งจ่ายคนละครึ่ง แต่ในทางปฏิบัติอาจจะมีทั้งเจ้าของโครงการรับภาระแทนหรือยกเว้นให้ผู้ซื้อ หรือจะโยนภาระให้คนซื้อรับผิดชอบทั้งหมดก็มี อัตราค่าจัดเก็บคิด 2% ตามราคาประเมินหรือราคาซื้อขายแล้วแต่ว่าราคาไหนสูงกว่า
5. ค่าส่วนกลางล่วงหน้า-เงินกองทุน ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ก็ต้องจ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์เช่นกัน โดยอัตราการเก็บแล้วแต่โครงการกำหนด แต่ต้องอยู่ภายในกรอบที่แจ้งไว้ตอนแรก ถ้าเป็นบ้านจัดสรรก็ตามที่เสนอยื่นขอใบอนุญาตจัดสรร ส่วนคอนโดฯก็ต้องแจ้งจดทะเบียนอาคารชุดและนิติบุคคลอาคารชุด
6. ค่าประกันมิเตอร์น้ำ-ไฟฟ้า จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์เช่นกัน ซึ่งโดยปกติแล้วทางโครงการจะออกค่าใช้จ่ายไปก่อน แล้วค่อยจัดเก็บกับเจ้าของบ้านหรือเจ้าของร่วมในภายหลังตามอัตราที่หน่วยงานนั้นๆกำหนด
ขอบคุณข้อมูลจาก : นิตยสาร Home Buyers' Guide